3 ก.ค.63
สถิติการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ ประจำเดือน มิ.ย.63 ออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ อีกทั้งตัวเลขการว่างงานก็ปรับลดลง 11.1% อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวอาจจะไม่ได้สะท้อนภาวะที่แท้จริง เนื่องจากปัจจุบันยังมีประชากรประมาณ 31.5 ล้านคนที่ขอรับสวัสดิการชดเชยช่วงตกงาน ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานรวมทั้งหมดในเดือน มิ.ย. ก็ยังน้อยกว่ายอดเดิมในเดือน ก.พ.
ทั้งนี้ ตัวเลขที่ดีขึ้นของเดือน มิ.ย. เป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ที่ทำให้ห้างร้านต่างๆ กลับมาเปิดบริการได้อีกครั้งโดยเป็นการจ้างงานในตำแหน่งเดิม แต่หลังจากนี้เป็นต้นไปยังไม่มีความแน่นอนว่า การจ้างงานจะลดลงตามตัวเลขยอดขายสินค้าที่หดตัวลงหรือไม่ อีกทั้งในบางรัฐอาจก็ต้องกลับมาใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้งในเดือน...
30 มิ.ย.63
นายเจโรม เพาเวล ประธาน Fed ออกมาย้ำเตือนถึงความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการควบคุมโรคระบาดของรัฐบาล และการบริหารนโยบายการคลัง อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจากการแพร่ระบาดระลอกสองในสหรัฐฯ จะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังมีสัญญาณที่ดีในตลาดหุ้นทั้งฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งสามารถปิดตลาดเป็นบวกเมื่อวานนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องมาตรการ Lockdown ครั้งใหม่
ทั้งนี้ มีนักวิเคราะห์จากบริษัท Morgan Stanley ให้ความเห็นว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีความพร้อมในการรับมือโรคระบาดครั้งนี้มากกว่าครั้งแรก อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากการให้ความช่วยเหลือผ่านนโยบายการคลัง ซึ่งจะเป็นหลักประกันความเสี่ยงให้กับธุรกิจสถาบันการเงินว่าจะไม่เกิดวิกฤตหนี้เสียตามมา นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการผ่านกฎหมายสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าอัตราดอกเบี้ยสำหรับสถาบันการเงินที่เป็นผู้ให้กู้ยืมจะต้องไม่ตกต่ำจนเกินไป (รวมไปถึงมูลค่าของหนี้ด้วย)...
EUR/USD (ราคากลาง 1.1170 แนวต้าน 1.15)
ราคามีแนวรับอยู่ที่ 1.1170 โดยมีโอกาสแข็งค่าต่อไปถึง 1.14 และ 1.15 อย่างไรก็ตาม ค่า VWAP มีแนวโน้มเป็นขาลง จึงมีแนวโน้มจะอ่อนค่ากลับมาที่บริเวณ 1.1250 และบริเวณ pivot zone ที่ 1.1170 ก่อนจะเกิดวงรอบขาขึ้นครั้งใหม่
GBP/USD...
การแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกสองที่รุนแรงในสหรัฐฯ และภูมิภาคอเมริกากลาง ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ยุโรป รวมถึงการปรับลดคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจของ IMF เป็นปัจจัยลบที่ส่งผลให้ดัชนีหุ้น S&P500 ของสหรัฐฯ และดัชนีหุ้น Stoxx 600 ของยุโรป ตกต่ำลง 2.5% และ 2.8% ตามลำดับ เช่นเดียวกับดัชนีราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง 5-6% หลังจากความเสี่ยงในการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งรายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันสำรองของ EIA ก็ทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 541 ล้านบาร์เรล ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกปรับตัวลดลง
GBP: ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอังกฤษฟื้นตัวขึ้นจาก 40.7 มาอยู่ที่...
หุ้นเอเชียเปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบางและไม่มีทิศทางชัดเจน เพราะนักลงทุนต่างรอประเมินสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ระลอกสอง ในขณะที่สหรัฐฯ ทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และเปิดการท่องเที่ยวเพื่อรักษาภาวะเศรษฐกิจ ท่ามกลางแนวโน้มที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น
ผลจากบรรยากาศดังกล่าว รวมทั้งสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศที่ตึงเครียดมากขึ้นในกรณีจีน-ฮ่องกง ได้ส่งผลให้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง และทองคำกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง ส่วนแร่ทองแดงมีราคาตกต่ำลง ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวแบบ sideway และดอลล่าร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเล็กน้อย
แม้ตัวเลขผู้ป่วยในบางรัฐของสหรัฐฯ จะเพิ่มสูงขึ้น แต่ทางการยังคงยืนยันที่จะเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ดำเนินต่อไป ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับจีนที่เลือกใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดระลอกสองแบบเฉพาะเจาะจงพื้นที่เป้าหมาย แทนการใช้มาตรการปิดเมืองอย่างครอบคลุมในการระบาดระลอกแรก
สำหรับสกุลเงินดอลล่าร์นิวซีแลนด์ ยังคงมีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) เปิดเผยว่านิวซีแลนด์จะใช้นโยบายการคลังนำหน้านโยบายการเงินเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด COVID-19 โดยนิวซีแลนด์ยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะเลือกใช้เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกหลายช่องทางหากมีความจำเป็นในอนาคต เช่น การขยายกรอบงบประมาณ QE, การใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ, และการปล่อยเงินกู้ระยะยาวให้สถาบันการเงิน
ส่วนสกุลเงินเยนนั้น ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลงนโยบาย แม้ในภาพรวมจะแสดงทิศทางของการใช้นโยบายแบบผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งจะต้องติดตามต่อไปโดยเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของดอลล่าร์สหรัฐฯ
Technical...
EUR/USD (ราคากลาง 1.1170)
ตลาดมีแนวรับปัจจุบันอยู่ที่ 1.1170 โดยมีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นไปทดสอบระดับ 1.14 หรือ 1.15 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของราคาในปีนี้ หลังจากเมื่อวานสามารถทำราคาปิดตลาดโดยมีสัญญาณขาขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากค่า VWAP วันนี้มีทิศทางเป็นขาลง จึงมีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการปรับฐานต่ำกว่า 1.1170/50 ลงไปถึงบริเวณ 1.10
GBP/USD (ราคากลาง 1.24)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเอเชียมีทิศทางเป็นขาขึ้น หลังจาก Fed ประกาศว่าจะรับซื้อพันธบัตรบริษัทเอกชนตามนโยบายเงินกู้ฉุกเฉิน นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังมีแผนอนุมัติงบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลให้ดอลล่าร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง แต่ในขณะเดียวกันทรัพย์สินความเสี่ยงต่ำ เช่น ทองคำ ก็ถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น ที่พร้อมรับความเสี่ยงมากขึ้นจากแผนอุดหนุนของ Fed ส่วนราคาน้ำมันกำลังประสบภาวะขาลง จากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่ ที่ทำให้กรุงปักกิ่งต้องใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้ง
Technical & Trade views
การประชุม EU Summit ในวันที่ 18-19 มิ.ย.63 นี้ เป็นปัจจัยที่จะส่งผลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งมีเป้าหมาย 2 ประเด็น คือ 1) เพิ่มระดับการใช้จ่ายภาครัฐให้ถึง 2% ของ GDP และ 2) กำจัดปัจจัยเสี่ยงจากความแตกแยกในกลุ่มสมาชิก EU ผ่านการสนับสนุนตลาดพันธบัตรรัฐบาล (European Government Bond Market หรือ EGB)
มาตรการเพิ่มสภาพคล่องผ่านการใช้จ่ายงบประมาณ และการเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นในกลุ่มสมาชิก EU เชื่อว่าจะสามารถทำให้เศรษฐกิจในระยะยาวฟื้นตัวจาก COVID-19 ได้...
ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้เงินหยวนและดอลล่าร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่มีปริมาณสำรองล้นเกินความต้องการ ส่วนคู่เงินกลุ่ม Commodity Currency (สกุลเงินของประเทศที่มีการส่งออกขนาดใหญ่ในประเภทวัตถุดิบเพื่อการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น CAD AUD NZD RUB) แข็งค่าขึ้นจนส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงมีความพยายามที่จะแทรกแซงค่าเงิน อาทิ AUD ซึ่งเป็นที่นิยมน้อยกว่า EUR JPY หรือ CHF ในฐานะเป็นสกุลเงินความเสี่ยงต่ำที่มีการซื้อขายเพื่อเก็งกำไรในภาวะราคาน้ำมันถูกลง
ทั้งนี้ ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างออสเตรเลียและจีน ส่งผลให้ AUD อ่อนค่าลงในระยะสั้น และเกิดสัญญาณ Overbought หลังจากกระทรวงศึกษาธิการของจีนแจ้งเตือนให้นักศึกษาในต่างประเทศ ระมัดระวังความเสี่ยงจากการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ และพิจารณาทบทวนการตัดสินใจศึกษาต่อในออสเตรเลีย