สามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้ 1. วันศุกร์แห่งการรายงานตัวเลขการจ้างงาน กรมแรงงานสหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขการจ้างนอกภาคการเกษตรในวันนี้ และจะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถประเมินสุขภาพของเศรษฐกิจ อีกทั้งบอกใบ้ทิศทางของดอลลาร์สหรัฐฯ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล และทองคำได้อีกด้วย นักวิเคราะห์คาดว่าสหรัฐฯ จะมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ขณะที่คาดว่า อัตราการว่างงาน จะคงเดิมอยู่ที่ 3.6% อัตราการเติบโตของรายได้ ซึ่งเฟดระบุไว้ในรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจว่าจะเพิ่มขึ้นมา "พอประมาณ" คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตรา 0.3% สำหรับรายเดือน และ 3.2% สำหรับรายปี 2....
คาดว่าในเดือนพฤษภาคมนี้ตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งอัตราค่าจ้างที่มีแนวโน้มพลิกฟื้นขึ้น แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของตลาดแรงงานก่อนที่ความขัดแย้งทางการค้าจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ก็ได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนว่าอาจก่อให้เกิดแรงกดดันให้แก่เศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม นอกจากนี้ ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ ก็ได้ออกมาเผยเมื่อวันอังคารว่า ธนาคารกลางกำลังเฝ้าจับตาความคืบหน้าจากความขัดแย้งทางการค้าและผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และจะ "ดำเนินการตามความเหมาะสมเพื่อดำรงการขยายตัวทางเศรษฐกิจเอาไว้" ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิ่มการเก็บภาษีศุลกากรมากขึ้นถึง 25% ต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ อันเป็นมูลเหตุที่จุดชนวนให้จีนตอบโต้เอาคืน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ยังประกาศอีกว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากเม็กซิโก เพื่อเป็นมาตรการปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผ่านพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ-เม็กซิโก
ปริมาณสินค้าคงคลังน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นเกินคาด ได้กดดันให้ราคาน้ำมันปรับลงในวันนี้ที่ฝั่งเอเชีย นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่าบริษัท Rosneft ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันประจำชาติรัสเซีย ได้ขอพิจารณาการลงนามในข้อตกลงการลดกำลังการผลิตกับกลุ่มโอเปกใหม่อีกครั้ง สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ขยับลง 0.75% อยู่ที่ $53.08 ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 23:23 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (3:23 GMT) แม้ว่าเมื่อวานนี้ราคาปิดจะสูงขึ้นมา 0.4% แต่ราคาสัญญาก็ยังอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเมื่อเดือนเมษายนปี 2018 อยู่ถึง 20% สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ปรับลง 0.44% เท่ากับ $61.70 ต่อบาร์เรล โดยเมื่อวานนี้มีราคาปิดสูงขึ้นจากเดิม 1.1%...
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ค่อนข้างคงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในช่วงเช้าวันนี้ที่ฝั่งยุโรป แต่กลับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ เงินหยวนจีน หลังจากผู้ว่าธนาคารแห่งชาติจีนส่งสัญญาณว่าอาจยอมปล่อยให้ค่าเงินเสื่อมมูลค่าลง ราคาซื้อขายสกุลเงินเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราคาแคบ ๆ ล่วงหน้าก่อนการรายงาน ข้อมูลจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1230 GMT) ซึ่งจะเผยภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากข้อขัดแย้งด้านภาษีศุลกากรกับจีนและเม็กซิโก เมื่อเวลา 02:20 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (0620 GMT) ค่าเงินยูโร อยู่ที่ $1.1267 อ่อนค่าลงเล็กน้อยหลังมีรายงานออกมาว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี ประจำเดือนเมษายนออกมาต่ำเกินคาด ทั้งนี้จะมีการรายงาน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส และ ยอดค้าปลีกของอิตาลี ในวันนี้ช่วงสายของทางยุโรป ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ค่อนข้างคงตัวอยู่ที่ 97.012 เมื่อคืนนี้...
ตลาดหุ้นยุโรปต่างก็พากันเปิดตัวสูงขึ้นในวันนี้ หลังข้อมูลเผยว่าความอ่อนแอของเศรษฐกิจเยอรมนียังคงดำเนินต่อไปในไตรมาสที่สอง ยิ่งมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าธนาคารกลางยุโรปอาจต้องดำเนินมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอีกครั้งเพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจให้พลิกฟื้น สำนักงานสถิติ Destatis ของเยอรมนีเผยว่า ยอดการส่งออก ลดลงถึง 3.7% ในเดือนเมษายน ส่วน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ก็ปรับลง 1.9% ถือว่ามากที่สุดในรอบสองปี อีกทั้งผลผลิตภาคการผลิตก็ลดลง 2.5% อีกด้วย เมื่อเวลา 03:20 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (0720 GMT) ดัชนี Euro Stoxx 600 ขยับขึ้น 2.1 จุด หรือคิดเป็น 0.6% ส่งมอบระดับสูงสุดที่ 376.12