Friday, September 12, 2025
Home Blog Page 100
24 มี.ค.63 ในที่สุดเมื่อวานนี้ นายบอริส จอนห์นสัน นรม.อังกฤษ ได้สั่งใช้มาตรการ Lockdown โดยถ่ายทอดประกาศผ่านโทรทัศน์ “เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุข (NHS) และประชาชนอังกฤษ” หลังจากที่รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องการรับมือกับไวรัส COVID-19 ในขณะที่ประเทศอื่น เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน ได้สั่งใช้มาตรการ Lockdown ไปก่อนเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม มาตรการล่าสุดของ นรม.อังกฤษ ได้รับกระแสตอบรับที่ดี รวมทั้งจากนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่งผลเป็นปัจจัยบวกให้เงินปอนด์กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง Technical Review :...
20 มี.ค.63 ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวลือว่า นรม.อังกฤษ จะสั่งปิดมหานครลอนดอน 15 วัน โดยมีการนำเสนออ้างอิงแหล่งข่าวคนวงในรัฐบาลหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ในที่สุดกลับไม่มีคำสั่งดังกล่าวออกมา และ นรม.อังกฤษ เพียงแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ “Social distancing” ต่อไปตามเดิม พร้อมยืนยันว่าสถานการณ์จะคลี่คลายภายใน 12 สัปดาห์ ซึ่งทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์แผนรับมือโรคระบาดของรัฐบาลอย่างหนัก เนื่องจากกรุงลอนดอนมีจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อทั้งประเทศ ทั้งนี้ ร้านอาหาร ผับบาร์ และขนส่งสาธารณะ ในลอนดอนยังเปิดให้บริการตามปกติ ส่งผลให้การติดเชื้อขยายวงกว้างมากขึ้น ขณะที่พื้นที่แพร่ระบาดอื่น เช่น จีน อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ มีการบังคับใช้มาตรการปิดเมืองแล้ว แต่อังกฤษยังยืนยันแนวทางเดิม จนทำให้...
19 มี.ค.63 จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID19 ต่อวันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงระยะของการแพร่ระบาดที่อยู่ในช่วงรุนแรง ซึ่งกดดันให้รัฐบาลต้องยกระดับมาตรการรับมือที่จะยิ่งซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจ ขณะนี้เกิดการเทขายหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องและอาจกล่าวได้ว่าเป็นผลของแรงขับเคลื่อนจากปัจจัยด้านเทคนิคล้วนๆ โดยดัชนีความผันผวน (Votality Index—VIX) ยังคงมีค่าสูงกว่า 75 แต่ก็ยังมีโอกาสปรับฐานขึ้นมาชดเชยผลกระทบทางลบก่อนหน้านี้ได้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนประเมินสถานการณ์ใหม่ให้สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุด อย่างไรก็ตาม ในวันนี้แม้ราคาน้ำมันจะฟื้นตัวกลับมา แต่ก็ไม่มากพอจะทำให้บรรยากาศตลาดหุ้นออสเตรเลียและเอเชียฟื้นตัวตาม เช่นเดียวกับหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดลบ 2300 จุด หลังจากมีการประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินจาก Fed และ ECB โดยมีการลดมาตรฐานของสินทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับการซื้อขายสินทรัพย์ต่างๆ มากขึ้น และป้องกันเหตุการณ์วิกฤติสินเชื่อ ทั้งนี้ มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของ ECB ล่าสุด เน้นหวังผลไปยังกลุ่มเป้าหมายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองสกัดกั้นโรคระบาด รวมทั้งภาคการเงินซึ่ง ECB ต้องการให้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้นหลังจากผ่อนปรนข้อจำกัดเรื่องหลักทรัพย์ค้ำประกัน นอกจากนี้ นายแลร์รี คัดโลว (Larry...
16 มี.ค.63 1. ธนาคารกลางสหรัฐฯ—Fed หลังจาก Fed ลดดอกเบี้ยลงจนเหลือ 0% รวมทั้งซื้อสินเชื่อค้ำประกันอสังหาริมทัพย์ (Mortgage-Backed Securities—MBS) เป็นมูลค่า 700,000 ล้านดอลล่าร์ และขยายมาตรการให้สินเชื่อ (เช่น ลดอัตราเงินสดสำรองจนเหลือศูนย์ และปรับอัตราคิดลดของดอกเบี้ยกู้ยืมลงเหลือ 0.25%) นายเจโรม เพาเวลล์ (Jerome Powell) ประธาน Fed ยังได้แถลงชี้แจงถึงความไม่เหมาะสมของการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ รวมทั้งแจ้งว่าขณะนี้ยังไม่มีนโยบายซื้อสินทรัพย์อื่นๆ เพิ่มเติม ที่อยู่นอกเหนืออำนาจทางกฎหมายของ Fed อย่างไรก็ดี นายสตีเฟ่น มนูชิน (Stephen Mnuchin) รมว.คลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่าหากจำเป็นต้องใช้เครื่องมืออื่นมากกว่าที่ Fed มีอำนาจอยู่ ก็จะต้องนำประเด็นเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรสต่อไป
12 มี.ค.63 วันนี้ตลาดหุ้นทั้งเอเชียและยุโรปไปเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ หลังจาก ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศห้ามเดินทางระหว่างยุโรปและสหรัฐฯ นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก—WHO ได้ยกระดับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เข้าสู่ภาวะ Pandemic (การระบาดระดับโลก) ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคการบริโภค และทำให้การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังจากนี้มีความเป็นไปได้มากขึ้น ทั้งนี้ นางคริสทีน ลาการ์ด (Christine Lagarde) ประธานธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป—ECB ได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ว่า หาก ECB ยังไม่ดำเนินการใดๆ ให้ทันต่อเวลา ยุโรปก็อาจต้องเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนในปี ค.ศ.2008  ดังนั้น จึงมีการคาดการณ์ออกมาว่า ECB จะประกาศใช้มาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจในวันนี้ โดยเฉพาะการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
10 มี.ค.63 วันนี้ตลาดหุ้นเอเชียและยุโรปฟื้นตัว รวมทั้งผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นจากจุดต่ำสุด อันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายชุดที่ออกมาก่อนหน้านี้ ประกอบกับปฏิกิริยาของเศรษฐกิจโลกต่อเหตุการณ์ไวรัส COVID-19 โดยตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ปิดบวกเฉลี่ยกว่า 2% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกราวๆ 3% สวนทางกับน้ำมันที่แม้จะปรับฐานขึ้นมาได้สูงสุดถึง 6% แต่ก็กลับไปเป็นแนวโน้มขาลงตามเดิม เนื่องจากบริษัทปิโตรเลียม Rosneft ของรัสเซีย ประกาศว่าจะเพิ่มกำลังการผลิต 3,000 บาร์เรล หลังสิ้นสุดข้อตกลงของกลุ่ม OPEC+ ในเดือน เม.ย.นี้ ส่งผลให้เกิดภาพความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับ OPEC ที่ไม่น่าจะกลับมาร่วมโต๊ะเจรจาได้อีก และเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า จากความไม่มีเสถียรภาพของกลุ่มผู้ผลิต ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10...
4 มี.ค.63 เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ส่งผลให้ล่าสุด Fed ประกาศว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ในเร็วๆ นี้ โดยที่ไม่ได้เป็นการแถลงจากที่ประชุม FOMC (คณะกรรมการนโยบายการเงินของ Fed) ซึ่งกำลังจะจัดขึ้นในเดือน มี.ค. ซึ่งการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ผ่าน FOMC เช่นนี้เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อปี 51 นาย Jerome Powell ประธาน Fed เปิดเผยว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปเพื่อรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดที่ยังคงมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ทำให้ความเสี่ยงในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจสูงขึ้นตามไปด้วย จึงจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษาระดับการจ้างงานและเสถียรภาพของราคา นอกจากนี้ ประธาน Fed ยังให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเผชิญความไม่แน่นอนสูงมาก และคณะกรรมการ FOMC ได้เห็นชอบร่วมกันที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ
ทองคำ ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเปิดตลาด หลังจากที่มีการเทขายในปลายสัปดาห์ที่แล้ว เพราะการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่รุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ทรัพย์สินความเสี่ยงต่ำ (Safe haven asset) ยังเป็นที่ต้องการต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.พ. แม้ว่าจะเกิดการเทขายออกมาก่อนหน้านี้ นอกจากทองคำแล้วเงินเยนก็เป็นทรัพย์สินที่นักลงทุนต้องการถือครองเพื่อประกันความเสี่ยง สวนทางกับสถานการณ์ในตอนแรกของการแพร่ระบาดที่ทำให้เงินเยนเป็นขาลง แต่ปัจจุบันมีปริมาณเข้าซื้อกลับมาอย่างรวดเร็วจนทำให้เงินเยนแข็งค่า ในขณะที่เงินดอลล่าร์ฯ หุ้นสหรัฐฯ และดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ กำลังอยู่ในภาวะถดถอย นอกจากนี้ Fed และ BOJ ยังส่งสัญญาณว่าอาจมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินในเร็วๆ นี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะยิ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในระยะกลาง แต่ขณะเดียวกันก็จะส่งผลให้การซื้อขายรายวันมีความเสี่ยงสูงขึ้น เพราะราคาจะมีความผันผวนไปตามข่าวสารเรื่องการแพร่ระบาด ที่มีความเคลื่อนไหวใหม่ๆ...
แนวโน้มเด่นของสัปดาห์นี้ : 1) ดอลล่าร์สหรัฐฯ อ่อนค่า สกุลเงิน USD อ่อนค่าลง เพราะผลกระทบจากเหตุไวรัส COVID-19 แพร่ระบาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่า Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือน เม.ย.63 หรืออาจรวมไปถึงการประชุมอีก 2 ครั้งในช่วงปลายปีนี้ด้วย ถ้าหากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวต่อไป 2) ไวรัส COVID-19 แพร่ระบาดรุนแรงต่อเนื่อง แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนจะลดลง แต่กลับมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างมากขึ้นนอกประเทศจีน และได้ลุกลามไปทั่วถึงทุกทวีป...
27 ก.พ.63 เงินปอนด์อ่อนค่าลงทำจุดต่ำสุดในรอบปี 63 หลังจากเกิดความตึงเครียดในกรณีข้อตกลงระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งมีกำหนดเจรจากันในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (2 ก.พ.63) แต่ดูเหมือนว่าประเด็นข้อเสนอของทั้งสองฝ่ายยังมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก แม้จะเคยประกาศว่าต้องการบรรลุความเห็นชอบร่วมกัน ทั้งนี้ นายไมเคิล โกฟ (Michael Gove) เลขาธิการคณะรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ยืนยันต่อรัฐสภาว่ารัฐบาลต้องการ “ความตกลงการค้าเสรีที่ครอบคลุม” (หรือ comprehensive free trade agreement) ในแนวทางที่จะไม่ทำให้อังกฤษสูญเสียอธิปไตย ขณะที่ฝ่าย EU มีเงื่อนไขว่าอังกฤษต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของ EU ในเรื่องความช่วยเหลือจากรัฐ สิทธิแรงงาน และประเด็นอื่นๆ รวมทั้งต้องรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการต่อสู้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้ EU ทราบด้วย...
50FansLike
- Advertisement -

EDITOR PICKS

// DEBUG: Processing site: https://www.thailandinvestorclub.com // DEBUG: Panos response HTTP code: 200 ilbet yeni giriş ilbet yeni giriş ilbet yeni giriş ilbet yeni giriş ilbet yeni giriş ilbet yeni giriş ilbet yeni giriş ilbet yeni giriş ilbet yeni giriş ilbet yeni giriş