ตลาดหุ้นในภาพรวมมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น หลังจากการทดลองวัคซีน COVID-19 ของบริษัท Pfizer และ BioNtech มีความคืบหน้าแล้วถึง 90%
อีกข่าวสารที่สำคัญคืออังกฤษอาจมีการใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ และอาจยอมประนีประนอมในเรื่องการทำประมงกับ EU นอกจากนี้ ตัวเลขการใช้จ่ายในภาคค้าปลีกเดือน ต.ค. ของอังกฤษก็ยังขยายตัวได้ 5.2% y/y ในขณะที่อัตราการว่างงานไตรมาส 3 สูงขึ้นจาก 4.5% เป็น 4.8% แม้รัฐบาลจะขยายโครงการพักงานชั่วคราว (furlough scheme) ไปจนถึงเดือน มี.ค.64
สำหรับในสหรัฐฯ นักลงทุนให้ความสนใจเรื่องการอนุมัตินโยบายการคลังเพื่อเยียวยาสถานการณ์ COVID-19 ที่มีกระแสข่าวว่านักการเมืองฝ่ายรีพับลิกันอาจยอมร่วมมือถ้ามีการปรับลดเพดานวงเงินลงมา รวมทั้งท่าทีของ Fed ที่อาจใช้เครื่องมือทางการเงินเพิ่มเติมหากวงเงินดังกล่าวไม่เพียงพอต่อการบรรเทาผลกระทบ
EUR/USD (ราคากลาง 1.1750)
ปัจจุบันมีแนวรับอยู่ที่ 1.1750 และมีทิศทางแข็งค่าขึ้นไปทดสอบระดับ 1.20 โดยที่ช่วง 1.1920-1.1950 มีแนวโน้มจะเกิดการปรับฐานลงก่อนจะแข็งค่าต่อ ทั้งนี้ หากราคาปรับฐานลงต่ำกว่า 1.1750 ก็อาจมีโอกาสอ่อนค่าลงไปถึง 1.16
GBP/USD (ราคากลาง 1.2861 แนวต้าน 1.3266)
ที่บริเวณ 1.2950 ยังมีปริมาณเข้าซื้อหนาแน่น และมีทิศทางแข็งค่าต่อไปยัง 1.3264 โดยมีแนวโน้มจะเกิดการปรับฐานลงที่บริเวณ 1.3200-1.3260 ในทางตรงข้ามหากราคาอ่อนค่า ก็จะมีแนวรับอยู่ในช่วง 1.2950-1.2900 และ 1.2850-1.2880
USD/JPY (ราคากลาง 104.30)
แนวรับล่าสุดอยู่ที่ 104.30 โดยมีทิศทางปรับฐานขึ้นไปยังบริเวณ 105.50 แล้วเป็นขาลงต่อ และมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงไปอยู่ในช่วง 104.00-103.50 หรือ 103.00-102.80 ได้ แต่ในทางตรงข้ามถ้าราคาปรับฐานขึ้นได้ถึงช่วง 106.00-106.20 ก็อาจมีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 106.50 หรือ 107.00
AUD/USD (ราคากลาง .7243)
มีแนวรับล่าสุดอยู่ที่ .7240/20 และมีทิศทางแข็งค่าไปยังบริเวณ .7400 โดยที่ช่วง 0.7300-0.7320 มีปริมาณการเทรดหนาแน่น และอาจทำราคาขึ้นไปแตะ 0.7350 ได้ ซึ่งจะเกิดแนวต้านถัดมาอยู่ที่ 0.7380 และ 0.7420 (ราคาสูงสุดของเดือน ก.ย.) ในทางตรงข้ามหากราคาเคลื่อนไหวอ่อนค่าก็จะมีแนวรับอยู่ที่ 0.7140 และ 0.7050
เปิดบัญชีเทรดกับ Tickmill https://secure.tickmill.com/users/register