ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนในเดือน พ.ย. ขยายตัวมากกว่าเป้าหมาย เช่นเดียวกับดัชนี PMI ของอังกฤษที่ขยายตัวจากการเร่งขนส่งและสต็อคสินค้าก่อนที่ข้อตกลง Brexit จะเริ่มมีผล ส่วนดัชนี PMI ของ EU ก็ยังขยายตัวได้แม้ในภาคบริการจะมีสถิติถดถอยลง และดัชนี CPI เดือน พ.ย. ของประเทศต่างๆ ในยุโรป มีแนวโน้มจะหดตัว โดยหลังจากนี้ ECB และ Fed จะมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง
EUR/USD (ราคากลาง 1.1820 แนวต้าน 1.2120)
มีแนวรับอยู่ที่ 1.1820 โดยมีแนวโน้มจะขึ้นไปทดสอบระดับ 1.20 แล้วเกิด pullback ลงมาจากการทำกำไร หลังจากนั้นจึงจะแข็งค่าต่อไปยัง 1.2120 โดยบริเวณที่จะมีการขายหนาแน่นคือ 1.1980 ก่อนจะมีโอกาสไต่ระดับขึ้นไปที่ 1.2020 , 1.2050 , 1.2120 หากราคาทรงตัวอยู่เหนือ 1.2100 ได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม หากราคาปรับลงต่ำกว่า 1.1800 ก็จะเกิดแนวรับใหม่ลงไปอยู่ที่ 1.1780 หรือ 1.1700
GBP/USD (ราคากลาง 1.3150 แนวต้าน 1.3480)
มีแนวรับอยู่ที่ 1.3150 โดยมีแนวโน้มจะขึ้นไปทดสอบระดับ 1.3480 แล้วเกิด profit taking ปรับฐานกลับลงมาที่ 1.31 ก่อนจะแข็งค่าต่อไปที่บริเวณ 1.3910/80 ทั้งนี้ จะมีปริมาณการขายหนาแน่นที่ระดับ 1.3420 และ 1.3440-50 ก่อนจะมีโอกาสขึ้นไปเคลื่อนไหวที่ 1.3500 หรือ 1.40-43 อย่างไรก็ตาม ถ้าราคาปรับลงต่ำกว่า 1.3300 ก็จะมีทิศทางเคลื่อนไหวลงไปอยู่ที่ 1.3200 และ 1.3150
USD/JPY (ราคากลาง 105 แนวรับ 101.20)
มีภาพรวมเป็นขาลง โดยมีแนวต้านล่าสุดอยู่ที่ 105 และมีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวลงไปยัง 101.20 ซึ่งเป็นจุดราคาต่ำสุดของปี ทั้งนี้ บริเวณที่จะมีการขายหนาแน่นคือระดับ 104.80 ก่อนจะไต่ระดับไปที่ 105.20 , 105.50 , 106.00 , 106.20 , 106.50 , 107.00 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม หากราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 103.50 ก็จะมีทิศทางปรับตัวลงไปยัง 103.00 และ 102.80
AUD/USD (แนวรับ .7230 แนวต้าน .7700)
มีแนวรับอยู่ที่ .7240/20 โดยมีแนวโน้มแข็งค่าไปที่ .7400 ก่อนจะปรับฐานกลับมาที่ .7200 แล้วเคลื่อนไหวต่อไปยังเพดาน .7700 โดยจะมีปริมาณขายหนาแน่นที่ 0.7240 , 0.7200 , 0.7180 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี หากราคาเคลื่อนไหวอยู่เหนือ 0.7350 ก็จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 0.7380 และ 0.7410-20 หรือ 0.7450 ต่อไป
เปิดบัญชีเทรดกับ Tickmill https://secure.tickmill.com/users/register
