ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวในแดนลบ ส่งผลให้ทรัพย์สินความเสี่ยงต่ำเป็นที่ต้องการมากขึ้น ขณะที่โครนนอร์เวย์ (NOK) ได้รับผลลกระทบน้อยกว่าสกุลเงินอื่น โดยเมื่อวานนี้ธนาคารกลางนอร์เวย์ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม แต่เปิดเผยว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. ซึ่งกลายเป็นปัจจัยดึงดูดสำหรับนักลงทุน
ส่วนดอลลาร์สหรัฐฯ ยังมีโอกาสฟื้นตัวได้จากปัจจัยเรื่องการประชุมของ Fed ที่กำลังจะจัดขึ้น ซึ่งมีประเด็นที่ได้รับความสนใจคือการแถลงทิศทางนโยบายการเงินของปี 65 เช่น การขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการขายทรัพย์สินเพื่อปรับบัญชีงบดุล ทั้งนี้ ความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่อยู่ใกล้ระดับศูนย์ กับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นไปถึงเกือบ 7% (มากที่สุดเป็นประวัติการณ์) ทำให้มีแนวโน้มว่า Fed จะยกเลิกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินค่อนข้างแน่นอน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนไม่เทขายดอลลาร์สหรัฐฯ ออกมาก่อนการประชุม Fed
สำหรับ ECB ซึ่งได้เผยแพร่รายงานการประชุมประจำเดือน ธ.ค.64 อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ มีสาระสำคัญคือการปรับมุมมองต่อภาวะเงินเฟ้อว่าไม่ใช่ปัญหาเพียงชั่วคราวอีกต่อไป รวมทั้งกล่าวถึงการปรับโครงสร้างกรอบเงินเฟ้อจากระดับต่ำเป็นระดับสูง ซึ่งบ่งบอกว่าแบบจำลองที่ใช้พยากรณ์สถานการณ์ก่อนช่วงโรคระบาดอาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปสำหรับการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะหลังจากนี้ แต่ผู้ว่าการ ECB ยังคงสงวนท่าทีที่จะปรับทิศทางนโยบายการเงิน เมื่อเปรียบเทียบกับการแสดงออกของ Fed ที่เปิดเผยว่าจะหันไปใช้นโยบายการเงินแบบหดตัว
Technical Views:
EUR/USD รักษาแนวรับ 1.13 ไว้ได้ และเกิดการปรับฐานขึ้นมาที่ 1.133 ซึ่งเป็นช่วงขอบล่างของกรอบ uptrend ดังนั้น หากหลังจากนี้อ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับดังกล่าวก็อาจหมายถึงการสิ้นสุดวงรอบ mini-upturn ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปริมาณเทขายออกมาจนลงไปเคลื่อนไหวที่ 1.12 และ 1.105 ตามลำดับ
GBP/USD อ่อนค่าลงหลังจากรายงานยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค.64 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออกมาต่ำกว่าระดับคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนหันไปรอเก็งกำไรจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในเดือน ก.พ. นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบจากระดับเงินเฟ้อ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มจะกดดันให้ GBP ลงไปเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1.35 ก่อนที่ BOE จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ติดตาม Blog Tickmill Thailand ได้ที่ https://www.tickmill.com/th/blog/
