20 พ.ค.64
แถลงการณ์ของ Fed ต่อผลการประชุมเดือน เม.ย.64 เมื่อวานนี้ เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากมีสัญญาณว่า Fed อาจปรับแนวทางการผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วกว่ากำหนด โดยบอร์ดบริหาร Fed หลายคนแสดงท่าทีว่าต้องการหารือเรื่องมาตรการ QE ในการประชุมครั้งถัดไป อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายังไม่มีการหารือประเด็นดังกล่าวเพราะการประชุมครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในห้วงที่การจ้างงานของสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำกว่าคาดการณ์ราวๆ 3 เท่า ส่งผลให้ Fed ยังไม่สามารถปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงได้
ทั้งนี้ นโยบายเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โรคระบาดของ Fed มุ่งเน้นในเรื่องการจ้างงานเป็นอันดับแรก โดยประเด็นเงินเฟ้ออยู่ในลำดับความสำคัญรองลงมา ซึ่งก่อนหน้านี้ Fed ตั้งเป้าหมายว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเงินเฟ้อสามารถขยายตัวได้อย่างมั่นคง (ที่ระดับ 2.8% สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน หรือ Core PCE เป็นระยะเวลาติดต่อกันสามเดือนขึ้นไป) หรือเมื่อการจ้างงานในประเทศขยายตัวได้ถึงเป้าหมาย
แต่จากสถิติเศรษฐกิจปัจจุบัน มีแนวโน้มว่าในระยะสั้นนี้เป้าหมายเรื่องการจ้างงานยังค่อนข้างห่างไกลจากความเป็นจริง เช่นเดียวกับเป้าหมายเรื่องเงินเฟ้อ Fed จึงน่าจะต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปจนถึงปี 66 ซึ่งถ้านักลงทุนเชื่อว่าระดับเงินเฟ้อจะสูงขึ้น ก็จะส่งผลกระทบให้ลดแรงจูงใจต่อการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ และทำให้ USD อ่อนค่าลง โดยหันไปลงทุนในพันธบัตรของประเทศอื่นที่ธนาคารกลางปรับลดการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
สำหรับการอ่อนค่าของสกุลเงิน Cryptocurrency ถึง 30% ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ฯ เมื่อวานนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาด Forex มากนัก โดยนาย Raphael Bostic โฆษก Fed แสดงความเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความเสี่ยงเชิงระบบแต่อย่างใด ส่วนในวันนี้ประเด็นข่าวสารที่อยู่ในความสนใจของตลาดคือรายงานสถิติการขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ และคาดการณ์ตัวเลขค่าจ้างแรงงานนอกภาคเกษตร หรือ NFP ซึ่งหากออกมาดีก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงิน USD แต่ถ้าเป็นไปในทางตรงข้ามก็จะส่งผลให้ USD อ่อนค่าลง และเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นด้วย
ติดตาม Blog Tickmill Thailand ได้ที่ https://www.tickmill.com/th/blog/