เอเชีย: ตลาดหุ้นเอเชียเป็นขาลงตามตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นจีนซึ่งปรับลงครั้งแรกในรอบ 9 วัน เพราะปัจจัยลบจากสถานการณ์ COVID-19 และความขัดแย้งกับสหรัฐฯ
สหรัฐฯ: นายราฟาเอล บอสติค สมาชิกบอร์ดบริหาร Fed แสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะต้องใช้เวลาถึงประมาณกลางปี 64 หรือจนถึงปี 65 กว่าจะฟื้นตัวกลับมาเท่ากับก่อนวิกฤตโรคระบาด ซึ่งต้องอาศัยมาตรการอัดฉีดเงินเข้าระบบเป็นตัวช่วยสำคัญ นอกจากนี้ บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งในรัฐต่างๆ ก็เป็นอีกปัจจัยที่สามารถส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของตลาด
อังกฤษ: ธุรกิจเสริมความงามได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดบริการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. เป็นต้นไป ตามมาด้วยสถานออกกำลังกายและธุรกิจในหมวดการพักผ่อนหย่อนใจอื่นๆ ซึ่งจะเปิดในวันที่ 15 ก.ค. ทั้งนี้ มีข่าวลือว่าอังกฤษอาจไม่เข้าร่วมแผนการด้านวัคซีนของ EU เพราะกังวลว่าจะได้รับจัดสรรวัคซีนน้อยกว่าที่อังกฤษต้องการ
ยุโรป: ตลาดคาดการณ์ว่าสถิติการขยายตัวด้านอุตสาหกรรมสำหรับประเทศต่างๆ ใน EU จะปรับตัวดีขึ้นหลังจากผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ซึ่งตัวเลขในเดือนที่ผ่านมาของเยอรมนีและสเปนก็มีทิศทางการปรับตัวดีขึ้น
Technical view:
EUR/USD (ราคากลาง 1.1150 แนวต้าน 1.15)
มีการปรับฐานขึ้นจาก 1.1170 ไปยังระดับ 1.14-1.15 แต่หากไม่สามารถทำราคาปิดเหนือ 1.13 ได้ ก็จะมีแนวโน้มอ่อนค่ากลับลงมาประมาณ 1.12 ก่อนเกิดการปรับฐานรอบใหม่ขึ้นมาที่ 1.14 อีกครั้ง
GBP/USD (ราคากลาง 1.24 แนวต้าน 1.28)
หลังจากปรับฐานลงไปถึง 1.2324 ก็มีสัญญาณเข้าซื้อกลับมา โดยมีทิศทางขึ้นไปที่ 1.2440 ทั้งนี้ หากสามารถรักษาระดับดังกล่าวไว้ได้ ก็จะมีแนวโน้มไปต่อถึง 1.2650 ก่อนจะเกิด profit taking กลับลงมายัง 1.240 อีกครั้ง (แล้วเกิดวงรอบขาขึ้นใหม่ไปถึงประมาณ 1.28)
USD/JPY (ราคากลาง 107.50)
มีการกลับแนวโน้มเป็นขาลงหลังจากไม่สามารถขึ้นไปถึงระดับ 108.13 โดยหลังจากนี้อาจอ่อนค่าลงไปถึงประมาณ pivot zone ที่ช่วง 106-105
AUD/USD (ราคากลาง .6830 แนวต้าน .7100)
ที่บริเวณ .6830 ยังปรากฏสัญญาณเข้าซื้อ และมีโอกาสปรับฐานขึ้นไปทดสอบระดับ .7100 โดยมีบริเวณ .6900 เป็นแนวรับในรอบวัน
