หลังจบการประชุมธนาคารกลางที่สำคัญหลายแห่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนได้กลับมาให้ความสนใจกับข่าวสารการเมืองสหรัฐฯ การเทขายพันธบัตร สถิติเงินเฟ้อในยุโรป รวมทั้งราคาพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นถ่านหิน น้ำมัน หรือแก๊สธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำมันที่กลายเป็นทางเลือกทดแทนแก๊สซึ่งมีราคาสูงกว่า และมีแนวโน้มจะเกิดภาวะ overbought ก่อนถึงการประชุม OPEC ที่จะจัดขึ้นใน 4 ต.ค.64 ซึ่งกลายเป็นปัจจัยบวกต่อสกุลเงิน NOK และ RUB
ส่วนการขยายเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ รวมถึงการอนุมัติงบประมาณ 550,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (เป็นจำนวนที่ปรับมูลค่าลงจากเดิมแล้ว) ซึ่งจะต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส เป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อการประเมินความเสี่ยง และความเคลื่อนไหวของค่าเงิน USD ที่มีแนวโน้มจะผันผวนจากบรรยากาศ risk-off เพราะถ้าวุฒิสมาชิกฝ่ายรีพับลิกันยังคงมีท่าทีไม่เห็นชอบ ก็อาจทำให้เกิดภาวะ government shutdown ในกลางเดือน ต.ค.64
อย่างไรก็ตาม วันนี้หุ้นสหรัฐฯ ยังเคลื่อนไหวในแดนบวก ยกเว้นตราสารซื้อขายล่วงหน้าในตลาด Nasdaq ที่ได้รับผลกระทบจากการเทขายพันธบัตร โดยล่าสุดดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นมาถึงระดับ 1.5% หลังจบการประชุม FOMC ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีสมาชิกบอร์ดบริหาร 9 คน คาดว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายควรจะดำเนินการในปี 65 โดยภายในสัปดาห์นี้ Fed จะมีแถลงการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
สำหรับข่าวสารที่จะส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของ EUR/USD ได้แก่ สถิติเฟ้อในสหภาพยุโรป ที่จะมีรายงานตัวเลขประมาณการในวันพฤหัสบดี (30 ก.ย.64) ตามมาด้วยตัวเลขประมาณการเงินเฟ้อของเยอรมนีในวันศุกร์ นอกจากนี้ ยังมีกรณีการประชุม ECB Symposium ระหว่างวันที่ 28-29 ก.ย.64 ซึ่งจะมีการหารือประเด็นการลดวงเงินซื้อทรัพย์สินในเดือน ธ.ค.64 และมีแนวโน้มจะเป็นปัจจัยบวกต่อเงินยูโร (ขณะที่เงินดอลลาร์ยังมีปัจจัยบวกจากกรณีบริษัท Evergrande ของจีน โดยดัชนี DXY ได้กลับมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 93.50 และยังมีโอกาสจะขึ้นไปถึง 94.00 ได้)
ติดตาม Blog Tickmill Thailand ได้ที่ https://www.tickmill.com/th/blog/
